ผักสลัดฟิลเล่ย์ไอซ์เบิร์ก (Frillice Iceberg)

ฟิลเล่ย์ไอซ์เบิร์ก (Frillice Iceberg)

ฟิลเล่ย์ ไอซ์เบิร์ก

ฟิลเล่ย์ ไอซ์เบิร์ก

ลักษณะทั่วไป

มีลักษณะเป็นทรงพุ่ม ใบเป็นฝอยหยิกคล้ายเกร็ดน้ำแข็ง มีสีเขียว ห่อหัว กาบใบห่อเข้าหากันเป็นชั้นๆ ปลายใบหยิกเป็นฝอย ใบแข็งกลอบ ฉ่ำน้ำ มีรสชาติหวาน เป็นผักสลัดอีกชนิดที่นิยมมากๆ

การปลูกและการดูแล

ปลูกในระบบไฮโดรโปนิกส์ NFT เหมาะทั้งกับการปลูกลงดินแบบอินทรีย์ และการปลูกไร้ดินไฮโดรโปนิกส์ และอควาโปนิกส์สามารถปลูกได้ทุกฤดู

การเพาะขยายพันธุ์

ใช้การเพาะจากเมล็ดพันธุ์

การเตรียมวัสดุปลูก

นำวัสดุเพาะเพอร์ไรท์ และเวอร์มิคูไลท์ ทั้งสองชนิดมาผสมกัน ในอัตราส่วน 4:1 โดยตัววัสดุเพาะตัวนี้ทำมาจากหินที่นำไปเผาให้มีรูพรุน มีลักษณะเบา คุณสมบัติจะเป็นตัวดูดน้ำให้ความชุ่มชื้นกับเมล็ดผักดีกว่าการใช้ฟองน้ำ เพราะการใช้ฟองน้ำ จะมีการปลูกอีกลักษณะหนึ่งคือปลูกในน้ำที่มีความลึกประมาณ 1 เซนติเมตร

การปลูก

เริ่มจากการเพาะต้นกล้า นำวัสดุปลูกเช่น เพอร์ไรท์ เวอร์มิคูไลท์ สัดส่วน 4:1 ใส่ถ้วยเพาะ และนำเมล็ดผักใส่ตรงกลางถ้วยหลบเมล็ดผักเล็กน้อย และรดน้ำให้ชุ่ม เมื่อผักมีอายุได้ 3 วัน จะเริ่มงอกและมีใบ 1-2 ใบ โดยผักจะอยู่ในแปลงเพาะราว 1 อาทิตย์ ซึ่งในขั้นตอนนี้จะต้องใช้น้ำธรรมดา และมีการปรับค่า pH ให้เป็นกลางอยู่ที่ 6.5-7 ในการเพาะเท่านั้น

เมื่อผักมีอายุย่างเข้าสัปดาห์ที่ 2 จะถูกย้ายมาอยู่ในแปลงอนุบาล และจะเริ่มให้ปุ๋ย B1 (อาหารเสริมของพืชช่วยในการเร่งราก) ซึ่งมีธาตุเหล็ก เพื่อช่วยเรื่องการเจริญเติบโตของรากและลำต้น โดยกำหนดให้ค่า EC อยู่ที่ 1.1-1.2 ที่ต้องมีการควบคุมเพราะหากให้ปุ๋ยมากเกินไป นอกจากผัก จะขม แก่ และเป็นการสิ้นเปลืองแล้ว ยังมีการศึกษาพบว่าการให้ปุ๋ยไนเตรตมากเกินไปจนตกค้างในใบแล้วเมื่อสะสมในร่างกายอาจทำให้เกิดมะเร็ง

จากนั้นเมื่อผักอายุครบ 3 สัปดาห์ ต้องย้ายต้นกล้าลงแปลงปลูก และเข้าสู่ขั้นตอนของการดูแลให้น้ำใส่ปุ๋ย จนกว่าจะถึงอายุเก็บเกี่ยว 40-45 วัน ตามแต่ชนิดผัก

ฟิลเล่ย์ไอซ์เบิร์ก

ฟิลเล่ย์ไอซ์เบิร์ก

การดูแลรักษา

การให้น้ำ ผักตระกูลสลัดจะชอบแสงแดด แต่ไม่ชอบร้อน ทำให้เราต้องควบคุมเรื่องการพ่นน้ำ ปกติจะให้น้ำโดยการใช้สปิงเกอร์พ่นน้ำ อย่างในวันที่อากาศร้อนต้องเปิดน้ำทุก 5 นาที พ่นน้ำ 15 วินาที แต่หากฝนตกหรือเป็นช่วงกลางคืน ก็ต้องงดการให้น้ำ เพราะหากให้น้ำมากเกินไปจะมีความชื้นสูง จะทำให้เกิดโรคใบจุด และเชื้อราได้

การให้ปุ๋ยในช่วงเพาะเมล็ดยังไม่ต้องใส่ปุ๋ยอะไร เพียงแต่ต้องควบคุมค่า pH ของน้ำให้เป็นกลาง ต่อมาเมื่อลงแปลงอนุบาล ให้เริ่มให้ปุ่ยอ่อนๆ อยู่ที่ EC 1.1-1.2 ก่อนจะเพิ่มระดับความเข้มข้น เมื่อลงแปลงปลูกเป็น EC 1.4-1.6 ทำอย่างนี้ทุกวันจนกระทั่งอาทิตย์สุดท้าย ให้งดการให้ปุ๋ย ซึ่งเคล็ดลับสำคัญคือ ต้องระวังค่า pH ให้เป็นกลางที่ 6.5-7 และต้องควบคุมค่า EC 1.2-1.6 โดยใช้เครื่อง EC Meter ปรับลดโดยการเพิ่มน้ำและปรับค่า EC เพิ่มโดยการเพิ่มปุ๋ยให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมทุกวัน

การเก็บเกี่ยว

อายุเก็บเกี่ยวหลังจากเพาะเมล็ดแต่อยู่ราว 35-45 วัน ควรเลือกเก็บช่วงเวลาเช้า ที่มีอุณหภูมิไม่สูง เพื่อคงความสดของผัก

การรับประทานและคุณค่าทางอาหาร

นิยมบริโภคสดเป็นผักสลัด หรือใช้เป็นเครื่องเคียงในอาหารประเภทยำที่มีรสจัด มีสรรพคุณช่วยในการสร้างเม็ดเลือด มีวิตามินซีสูง สามารถป้องกันโรคหวัด และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย

ข้อมูลจากหนังสือผักสลัดเชิงการค้า

error: Content is protected !!